วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

"คำบอกเล่า"..ของผู้อำนวยการโรงเรียน : 3

                                                        ครั้งที่ ปีการศึกษา ๒๕๕๔          
          ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่าน...เมื่อวานนี้ เป็นวันอีดิลฟิตรี ฮิจเราะห์ศักราช ๑๔๓๒ วันที่เราได้เห็นภาพพี่น้องมุสลิมทั่วโลกร่วมเฉลิมฉลองกันหลังจากร่วมกันถือศีลอดในเดือนรอมาฎอนที่เพิ่งผ่านพ้นไป ยุคไอทีหรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศได้ย่อโลกของเรายิ่งแคบลงอย่างไม่น่าเชื่อ กลายเป็นหมู่บ้านโลก(Global village) หมู่บ้านหนึ่งซึ่งทำให้ผู้คนทั่วสารทิศสามารถติดต่อสื่อสารและเห็นภาพซึ่งกันและกันได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วทันใจด้วยระบบอินเตอร์เน็ทหรือไซเบอร์โฮม
          เราคงจะได้พบเจอนวตกรรมสิ่งใหม่ๆอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายและกดดันให้กับคุณครูหรือบรรดาผู้ที่เป็นอาจารย์ผู้สอนอย่างยิ่ง จริงๆแล้วหากย้อนกลับไปในอดีตเพียงไม่กี่ปีนี้เอง เรามีแค่คุณครูได้อยู่ในห้องเรียน มีตำราได้สอน ก็เห็นเพียงพอแล้วที่จะปั้นลูกศิษย์ของเราให้เป็นคนเก่งคนดี แบบว่านอนสอนง่ายเป็นคนที่ไม่ดื้อรั้น แต่ครั้นในปัจจุบัน ตั้งแต่โลกก้าวหน้ามีนวตกรรมทางด้านเทคโนโลยีเข้ามาแพร่กระจาย กลายเป็นดาบสองคมให้กับทุกสังคมโดยปริยาย เพราะสิ่งที่หลั่งไหลเข้ามาพร้อมกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนั้น เป็นทั้งองค์ความรู้อันหลากหลายที่ให้ประโยชน์มากมาย และเป็นทั้งสิ่งชั่วร้ายอบายมุขที่ให้โทษแก่เราปะปนกัน ดังนั้น เราในฐานะที่เป็นครูผู้สอนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้อีกแล้ว ต้องปรับปรุงพัฒนาตนเองก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกัน หากไม่เช่นนั้นแล้วเราคงจะตามลูกศิษย์ลูกหาของเราไม่ทัน
          จากประสบการณ์การสอนในหลายปีที่ผ่านมา ผมมักจะบอกและแนะนำทั้งลูกศิษย์และเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอว่า นอกจากทุนความรู้เดิมที่เราได้เรียนรู้มา ไม่ว่าใครจะไปจบสาขาอะไรก็แล้วแต่ ยังมีอีกสองเรื่องที่เราต้องเรียนรู้เสริมเพิ่มเติมให้กับตนเองเพื่อเตรียมการรองรับการเป็นพลเมืองอาเซียนและพลเมืองโลก นั้นก็คือ ภาษาและเทคโนโลยี ใครเก่งหลายภาษาย่อมมีภาษี ใครเก่งเทคโนโลยีย่อมได้เปรียบ ทั้งคู่จึงเป็นเสมือนกับขนมปาท่องโก๋ซึ่งดูแล้วจะแยกออกจากกันไม่ได้ แต่ทั้งสองเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถฝึกฝนและเรียนรู้กันได้ ไม่จำกัดเพศไม่จำกัดวัย อยู่ที่ความตั้งใจและมุ่งมั่น ขอเพียงแค่ให้เราได้เรียนรู้อยู่ทุกวันเหมือนกับนักเรียนได้เรียนรู้ภาษาสัมพันธ์ วันละประโยคในยามเช้า แรกเริ่มอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่หากได้เปิดโอกาสปล่อยให้ฝึกซ้ำๆ นานวันจะซึมซับไปเอง
          จึงขอขอบคุณคุณครูผู้ที่เป็นต้นคิด เพ่งพินิจดูทิศทางการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ หนึ่งในสามของจุดมุ่งหมายสำคัญก็ยังไม่พ้นการประกาศนำประเทศไทยเตรียมความพร้อมก้าวสู่เป็นประชาคมอาเซียน โดยจะพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยการส่งเสริมรักการอ่าน เน้นให้คนไทยมีโอกาสได้เรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเพื่อนบ้าน เพื่อพัฒนาสถานศึกษาเข้าสู่สากล และมีการสนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาด้วยการแจกแท็บเล็ทให้กับนักเรียนพร้อมจัดหาอินเตอร์เน็ทที่มีความเร็วสูง แม้จะมีการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันถึงข้อดีข้อเสีย แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ใครหรือโรงเรียนใดที่เตรียมตัวพร้อมมาก่อนเท่านั้นที่จะได้เปรียบรับอานิสงค์จากนโยบายอันนี้

บันทึกไว้: เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น