วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
สื่อภาษาผูกมิตร..สร้างชีวิตดีงาม
ขอต้อนรับวันเปิดภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ พร้อมกับนโยบายด้านการศึกษาที่สำคัญของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และ ฯพณฯ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศีกษาธิการ นั้นคือ"การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ : Moderate Class More Knowledge" ซึ่งมีโรงเรียนนำร่องทั่วประเทศจำนวน ๔,๑๐๐ โรง ได้ร่วมกันดำเนินการทันทีตั้งแต่วันแรกของการเปิดภาคเรียนในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
ในช่วงประเดิมเริ่มแรกนี้จะมุ่งเน้นกิจกรรมเสริมสร้างสมอง (Head) คุณธรรม จริยธรรม (Heart) ทักษะ (Hand) และ สุขภาพ (Health) ทุกกิจกรรมล้วนแต่ต้องการเห็นนักเรียนมีความสุข สนุกสนาน มีเวลาคิด วิเคราะห์ ฝึกทักษะ สามารถสรุปใจความ เขียนเรียงความ รู้จักการถกแถลง รู้จักการเข้าสังคม ซึ่งเป็นเจตนารมณ์หลักที่นับว่าสำคัญยิ่ง อันที่จริง ได้มีการถกคุยกันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว หลักสูตรการศึกษาของเรานั้นอัดแน่นไปด้วยสาระการเรียนรู้ที่ยัดเยียดให้ผู้เรียนต้องร่ำเรียนกันหลายชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งมากกว่าบรรดาประเทศต่างๆทั่วโลกก็ว่าได้ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน แต่ด้วยเหตุไฉน คุณภาพหรือผลผลิตที่ออกมานั้นกลับตรงกันข้าม รั้งอันดับอยู่เกือบท้ายของกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นความจริงที่เราอาจจะต้องยอมรับเพื่อจะได้ร่วมกันปรับปรุงแก้ไข เพราะเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ยังปรากฎมีให้เห็นอยู่ และถึงแม้บางคนจะอ่านออกเขียนได้ แต่ก็จะคิด วิเคราะห์ไม่เป็น
อาจจะกล่าวว่าเป็นนโยบายที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่รัฐบาลได้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาเป็นกรณีพิเศษได้เล็งเห็นถึงความตึงเครียดของผู้เรียนที่ต้องตรากตรำจดจำเนื้อหาที่อยู่ในกรอบห้องสี่เหลี่ยมเกือบตลอดทั้งวัน แล้วมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายช่วยกันหาวิธีการนำผู้เรียนออกสู่ปฏิบัติการนอกห้องเรียน(Outdoor Activities) ด้วยกิจกรรมนันทนาการที่หลากหลาย เพื่อนักเรียนจะได้ผ่อนคลายกันบ้าง
จึงขอขอบคุณคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนอนุบาลยะรังทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเทเสียสละเวลามาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ สร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆสำเร็จได้อย่างลุล่วงในช่วงวันปิดภาคเรียนที่ผ่านมา เพราะเราต่างก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันครับ "นักเรียนดี เก่ง และมีสุข"
นายตอฮีรน หะยีเลาะแม...ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลยะรัง : เขียน
บันทึกไว้เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558
เคาะความคิด...บ่มเพาะลูกศิษย์
ตอน...หยุดมาโรงเรียนแต่ภารกิจไม่มีวันหยุด
สิ้นปีการศึกษา ๒๕๕๗
กับความสำเร็จในโครงการและกิจกรรมต่างๆที่ผ่านพ้นลุล่วงไปด้วยดี แต่.. “นักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
ควรที่จะจบชั้นป,๖ ได้หรือไม่ ในเมื่อนักเรียนเขียนอะไรไม่ได้เลย
ออกไปศึกษาต่อที่อื่นแล้วพวกเขาจะจดบันทึกจากการฟังคำบรรยายของครูผู้สอนได้อย่างไร”
คือคำถามจากท่านผอ.อรรถสิทธิ์ รัตนแคล้ว ผอ.สพป.ปัตตานี เขต ๒
ในที่ประชุมประจำเดือนของผู้บริหารสถานศึกษาครั้งล่าสุด
เป็นจุดเน้น..เป็นปุจฉาให้ผู้บริหารและครูที่เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันฟัง
พร้อมดูข้อมูลประกอบนักเรียนในสังกัดที่กำลังจะจบป.๖ ปีนี้ ยังเขียนไม่ได้อีก
๑,๓๗๘ คน ผู้บริหารและครูอยู่กันทำอะไรถึงได้สร้างชะตากรรมให้กับนักเรียนเหล่านี้
เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมาดี อาจจะแรงและทิ่มแทงใจในความรู้สึก
แต่ลึกๆในความเป็นจริงแล้ว เราคงต้องยอมรับโดยปริยาย
เป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารและครูผู้สอนทั้งหมดโดยตรง
ยิ่งมีนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้มากเท่าไหร่
เราทั้งหมดก็ยิ่งมีบาปกรรมติดตัวมากขึ้นเท่านั้น
จึงขอฝากคุณครูทุกท่านได้ร่วมกันคิดเราจะทำอย่างไรหรือใช้วิธีการใดให้นักเรียนทุกคนหลุดพ้นไปจากวังวนแห่งความมืดมนของการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
อย่างไรก็ดี ในปีนี้นักเรียนชั้นป.๖ ร.ร.บ้านกระเสาะ จำนวน ๒๐ คน
ที่ถูกคัดเลือกทดสอบการอ่านและเขียนจากเขตพื้นที่ ผลออกมาแล้วนักเรียนอ่านได้ทุกคน
จึงขอชื่นชมจากใจ บ่งบอกถึงคุณครูเราได้ดูแลเอาใจใส่
เหลือแต่นักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้อีก ๔
คนเท่านั้นที่อ่านและเขียนยังไม่ค่อยได้
และถึงแม้การเขียนของนักเรียนยังมีอีกจำนวนหลายคนที่สะกดผิด อย่างเช่น คำว่า ทายาท
เขียนเป็น ทาญาติ ผิวพรรณ เขียนเป็น ผิวพันธุ์
นั่นแสดงว่านักเรียนฟังแล้วยังเข้าใจ ยังเขียนได้
เพียงแต่เขียนผิดไปเพราะรูปแบบการสะกดคำที่มีความหลากหลายในวิธีการเท่านั้น
ถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขในโอกาสต่อไป
ขอให้ทุกท่านจงมีความสุขในช่วงเวลาปิดภาคเรียน
หยุดการมาทำงานที่โรงเรียนประมาณสี่สิบห้าวัน แต่ภาระหน้าที่แห่งความเป็นครูของเรานั้นไม่มีวันสิ้นสุด
ในขณะที่รอคอยการเปิดภาคเรียนใหม่ ต้องเตรียมการ ต้องศึกษา ค้นคว้า เสาะแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ๆ
ตลอดจนถึงการเรียนรู้เทคนิคหรือวิธีการสอนที่หลากหลาย จุดมุ่งหมายเพื่อให้นักเรียนได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น
และที่สำคัญเราจะทำอย่างไรให้นักเรียนของเราทุกคนปลอดจากการอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้
อันส่งผลให้พวกเขาทั้งหลายสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต
บันทึกไว้
เมื่อวันเสาร์ ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)