วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ปรับวิธีการเรียนรู้ใหม่..ในยุควิถีใหม่

                                

         วิถีใหม่ วิถีคุณภาพ การศึกษาขั้นพื้นฐานในยุคโควิด ๑๙ (New Normal of Learning)..เป็นผลกระทบที่ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาจะต้องปรับวิธีการเรียนรู้..ทุกหน่วยงานต้องปรับเปลี่ยนระบบการทำงาน..ทุกสถานศึกษาต้องปรับกิจกรรมการเรียนการสอนให้ยืดหยุ่นและเป็นไปตามบริบท..ปรับบ้านเป็นโรงเรียน ปรับพ่อแม่เป็นครู..ผู้ปกครองอาจต้องเพิ่มภาระมากขึ้น..ถ้อยประโยคที่ผมได้เกริ่นนำเหล่านี้ เป็นการสรุปใจความสำคัญจากที่ประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยมีท่านดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมชี้แจงนโยบายการบริหารจัดการศึกษาภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๕๑๙ ที่จะต้องดำเนินการจัดการศึกษาต่อไปโดยเน้นให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของบริบทในแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ

          ประชุมออนไลน์..ประเมินออนไลน์..นิเทศออนไลน์..การสอนออนไลน์..การเรียนออนไลน์ นับจากนี้ไปเราจะได้คุ้นเคยกับวิถีใหม่ในโลกแห่งออนไลน์ชัดเจนยิ่งขึ้น อันที่จริงเราก็สัมผัสมาบ้างแล้วก่อนที่จะเจอกับโควิดที่เกิดขึ้นจากระลอกแรก เพียงแต่เราไม่ค่อยจะคุ้นชินได้มากเท่าไหร่นัก อันเนื่องจากกิจกรรมใดก็ตามแต่หากได้รวมกลุ่มได้พบหน้ากันนั้นย่อมดีกว่าและจะรู้สึกถึงความซาบซึ้งความผูกพันได้มากกว่า แต่สถานการณ์โควิดบีบบังคับเราต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตปกติใหม่(New Normal) ให้เราต้องอยู่ในครรลองของสังคมออนไลน์โดยปริยาย ผมเคยเรียนหลักสูตรประกาศยบัตรวิชาภาษาอังกฤษเฉพาะอาชีพ(ครู) ของมสธ. ศึกษาจากบทเรียนโมดูลซึ่งมีหน่วยการเรียนรู้ที่สำเร็จรูปในตัวเองและมุ่งให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยเป็นตำราเอกสารแต่ละสาระบรรจุในแต่ละเล่มที่ค่อนข้างหนามาก แต่วันนี้ผมก็ถูกบังคับด้วยตำแหน่ง ต้องกลับมาเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้ง แต่ข้อแตกต่างคือ เป็นบทเรียนโมดูลไร้เอกสาร (Paperless) สามารถเรียนด้วยตนเองจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ทั้งจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องโทรศัพท์มือถือ นี้คืออีกหนึ่งนวัตกรรมด้านการศึกษาที่ผมเห็นว่าเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันยิ่ง ครั้นเมื่อมีโอกาสได้ต้อนรับผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ นายณัฐพงษ์ นวลมาก ลงพื้นที่ตรวจติดตามการจัดการเรียนการสอนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า เมื่อวันที่ ๑๒ ก.ค.ที่ผ่านมา ณ ร.ร.นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ ๑ จึงถือโอกาสเสนอความเห็น ๒ ประการ คือ ๑) ฝากท่านสื่อถึงรัฐมนตรีหรือรัฐบาลว่า ควรจัดสรรงบแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนทุกคนเพื่อเป็นสื่ออุปกรณ์สืบค้นการเรียนรู้ อาจจะประเดิมแจกเฉพาะนักเรียนยากไร้ก่อนก็ได้หากรัฐบาลจะบอกว่างบไม่เพียงพอที่จะจัดสรรให้ทั้งหมด ๒) จัดสรรงบติดตั้งสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้เข้าถึงทุกพื้นที่ เป็นความเห็นที่ตรงประเด็นหรือไม่หรืออาจจะมากไปในแง่ของการจัดสรรงบประมาณนั้นผมก็ไม่ทราบ แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าหากนักเรียนทุกคนได้รับโอกาสเท่าเทียมกันก็สามารถที่จะเรียนรู้วิชาต่าง ๆ ไปพร้อม ๆกันถึงแม้ว่าความสามารถของแต่ละคนย่อมมีความแตกต่าง แต่ทุกคนก็ย่อมมีโอกาสในเรื่องของการรับรู้ภายใต้สถานการณ์วิกฤติโดยสามารถได้ใช้สื่ออุปกรณ์ที่เหมือนกันด้วยความเสมอภาค

          ห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom)..การศึกษาโดยครอบครัว (Home School)..อีก ๒  รูปแบบการจัดการศึกษาที่เหมาะกับสถานการณ์โควิดหรือวิกฤติอื่น ๆที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า มุมมองโดยส่วนตัวผมเห็นว่าห้องเรียนกลับด้านนั้นจะเหมาะที่สุดเมื่อโควิดเริ่มทุเลา จัดเรียนที่บ้าน ๓ วัน อีก ๒ วันมาส่งงานที่โรงเรียน พร้อมนำเสนอ อภิปราย ร่วมจัดนิทรรศการแสดงผลงานฯ ก็แล้วแต่บริบทของครูที่เป็นผู้อำนวยการสอน นี้คือบทสะท้อนอันเป็นตัวอย่างที่เราสามารถจะมาปรับเปลี่ยนประยุกต์ใช้ในการจัดการศึกษาในยุควิถีใหม่ อาจจะมีนวัตกรรมใหม่ๆมากกว่านี้อีกต้องลุ้นรอติดตามกันต่อไป แต่จะให้โควิดหมดเกลี้ยงรอเปิดห้องเรียน(On site)อย่างเดียว กว่าจะถึงวันนั้นเด็กๆของเราโดยส่วนใหญ่ก็สายไปแล้วครับที่พวกเขาจะมีโอกาสได้ตักตวงองค์ความรู้จากสื่อการเรียนรู้ในโลกดิจิทัล        

       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น